วิธีดูแลเท้าไม่ให้แตก เหม็น แต่เนียนนุ่ม
เขียนโดย รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร ม.มหิดล
กล่าวกันว่าเราสามารถประเมินสุขลักษณะโดยรวมของผู้ที่เราเพิ่งพบปะครั้งแรกได้ง่ายๆโดยการสังเกตดูความสะอาดของรองเท้าที่สวมใส่อยู่และดูสุขลักษณะที่เท้า หรืออาจกล่าวได้ว่ารองเท้าและสภาพของผิวเท้าเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสะอาดและบุคลิกภาพของเราเอง
เทคนิคการดูแลสุขภาพเท้าให้สวยงาม ไม่เป็นโรค
1. ล้างเท้าทั้งสองข้างทุกวันโดยแช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่ประมาณ 10 นาทีจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งสนิท
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณซอกนิ้วเท้า ต้องให้แห้งสนิทจริงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นที่อับชื้นและเหม็นตามมา
2. ทุกครั้งที่เท้าเปียก ต้องเช็ดให้แห้งทุกครั้งก่อนสวมรองเท้าหรือถุงเท้า
3. ควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกวันและนำรองเท้าไปทำความสะอาด ตากแห้งไม่ควรนำรองเท้าไปแขวนใส่ตู้รองเท้าที่ปิดสนิทแนะนำให้ใช้รองเท้าใส่สลับกันสองคู่เพื่อจะได้นำคู่ที่ใส่แล้วไปผึ่งลมแดดให้แห้ง หรืออาจใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นสำหรับรองเท้าช่วยด้วยก็ยิ่งดี
4. ผู้ที่มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวานต้องเข้มงวดกับตัวเองในการดูแลเท้าทั้งสองข้างให้สะอาดเป็นพิเศษหมั่นสังเกตความผิดปกติของการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้น เช่นสีเล็บเท้าที่ซีดหรือเหลืองผิดปกติ ผิวลอก หรือมีรอยแตกของผิวเท้า ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เท้า
5. เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ควรจะเป็นช่วงบ่ายเนื่องจากเท้ามักจะบวมกว่าตอนเช้า ดังนั้นรองเท้าคู่ที่สวมใส่สบายในตอนบ่าย จะสวมสบายในตอนเช้าและตอนเย็นด้วย
6. หากออกนอกบ้านและสวมใส่รองเท้าแตะ ควรทาครีมกันแดดที่เท้าด้วยเช่นเดียวกับผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่โผล่ออกนอกร่มผ้า
7. ควรหมั่นขัดผิวเท้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งส้นเท้าด้วยแปรงขนนุ่มอย่างสม่ำเสมอเพื่อขัดเอาผิวเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป ผิวเท้าจะได้นุ่มเนียนและเป็นการเร่งการผลิตเซลล์ใหม่
8. ก่อนเข้านอน ควรล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งสนิท และชโลมด้วยครีมบำรุงผิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวหนังบริเวณส้นเท้า
9. ทุกครั้งที่ชโลมเท้าด้วยครีมบำรุงพยายามหลีกเลี่ยงซอกนิ้วเท้าเนื่องจากการสะสมของครีมหรือความชื้นในบริเวณซอกนิ้วเท้า
จะก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นจากการหมักหมมของเชื้อจุลินทรีย์ได้
10. เพื่อรักษาให้เท้าแห้งไม่มีกลิ่นเหม็น ควรใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกแป้ง หรือ สเปร์ยที่เท้า
11. การตัดเล็บเท้าควรจะตัดเป็นเส้นตรงเฉพาะส่วนที่ยื่นโผล่จากนิ้วเท้านั้นไม่ควรตัดสั้นเกินไปจนติดเนื้อ และไม่ควรตัดเล็บเป็นเส้นโค้งเพราะส่วนโค้งจะทำให้เกิดเล็บหรือหนังงอกที่ซอกนิ้วกลายเป็นเล็บขบที่สร้างความเจ็บปวดได้ หลังการตัดเล็บเท้า ควรตะไบเล็บไม่ให้เล็บคม
การนวดเท้าและบำรุงด้วยครีมบำรุงผิว
ภายหลังจากการล้างทำความสะอาดเท้าและเช็ดแห้งสนิทแล้วควรนวดฝ่าเท้าด้วยครีมบำรุงผิวเท้าจะช่วยให้เท้าเนียนนุ่มและเป็นการทำให้เท้าได้ผ่อนคลาย นวดคลึงทั้งส้นเท้าและฝ่าเท้าด้วยนิ้วโป้งการรักษาเท้าให้สะอาดและเนียนนุ่มชุ่มชื้นด้วยครีมนวดเป็นประจำ
นับเป็นปัจจัยป้องกันปัญหาโรคเท้าอื่นๆ ที่จะตามมาได้ เช่น ตาปลาและส้นเท้าแตกควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทครีมบำรุงเท้าโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีสารชุ่มชื้นผิวเท้าที่รวดเร็ว เช่น ยูเรียครีม แต่ต้องไม่ทิ้งครีมตกค้างบริเวณซอกนิ้วเท้า
การจัดการกับส้นเท้าที่แตกและเป็นตาปลา
ไม่ควรใช้ใบมีดโกนหนวดมากำจัดหนังหนาๆ ที่ส้นเท้าหรือตาปลาเป็นอันขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่เท้าส้นเท้าที่มีหนังหนาและแตกนอกจากจะทำให้เท้าไม่สวยแล้วยังทำให้เจ็บปวดได้อีกด้วย บางรายแตกจนเห็นเลือดออกซิบๆสาเหตุเริ่มต้นมาจากการที่มีผิวแห้งมากๆเป็นเวลานานๆหรือในบางรายอาจเกิดจากการมีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคผิวหนัง เบาหวานไฮโปไทรอยด์ในบางครั้งส้นเท้าแตกอาจเกิดในคนอ้วนที่มีน้ำหนักกดทับที่เท้ามากๆ และต้องยืนนานๆ ในแต่ละวัน หรือเดินบนพื้นแข็งๆ ด้วยเท้าเปล่า
การดูแลรักษาเบื้องต้นสำหรับส้นเท้าแตก อาจเริ่มด้วย
1. การใช้ครีมบำรุงผิวที่เข้มข้น ประกอบด้วยสารหล่อลื่นและสารชุ่มชื้นผิวสูง เช่น ยูเรียครีม เป็นต้น ทาถูหนาๆ วันละ 2-3 ครั้ง ก่อนนอนควรทาครีมชนิดนี้หนาๆที่ส้นเท้าและทั่วผิวเท้า จากนั้นใช้ถุงพลาสติกที่ใหม่และสะอาดมาห่อหุ้มเท้าจนถึงรุ่งเช้า วิธีนี้เป็นการทำเซาว์น่าให้เท้าด้วยตนเองเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นและหล่อลื่นผิวเท้าที่รวดเร็วโดยเนื้อครีมจะสามารถแทรกซึมเข้าผิวหนังได้ดี ทำเช่นนี้ 1-3 วันจะพบว่าผิวเท้าเนียนนุ่มขึ้นอย่างชัดเจน
2. เมื่อส้นเท้านุ่มขึ้นและไม่เจ็บแล้วอาจใช้หินขัดเท้า ค่อยๆ ขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หลุดลอกออกทีละน้อย ไม่ควรขัดออกทีละมากๆ เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยตัวยาซาลิไซลิคแอร์ซิด (salicylic acid) 5-14% ซึ่งมีความเป็นกรดสูงตัวยาชนิดนี้ทำหน้าที่ขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกจากผิว มีทั้งชนิดที่เป็นครีมหรือโลชั่นใส เวลาใช้ควรใช้สำลีชุบโลชั่นและป้ายที่ส้นเท้า วันละ1-2 ครั้งติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ จะพบว่าผิวหนังหนาแห้งๆจะทยอยหลุดลอกออกเวลาอาบน้ำ ผิวใหม่ที่ส้นเท้าจะเนียนนุ่มหลังจากนั้นต้องหมั่นบำรุงผิวเท้าตามที่กล่าวไปข้างต้นเพื่อป้องกันไม่ให้ ส้นเท้าแตกได้อีก
สนับสนุนโดย ยางรองส้นเท้า HeelSoother และ แฟนเพจ ยางรองส้นเท้า Heelsoother
อ้างอิงจาก นิตยสารฉลาดซื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น