ประสบการณ์ปวดส้นเท้าของหญิงมีครรภ์และวิธีการรักษา
ความจริงเรื่องนี้เขียนไว้แล้ว แต่ เอามาปัดฝุ่นใหม่หลังจากเล่าเรื่อง “แกล้งคนไข้ เธอเป็นคุณนายจะบาปมั๊ยนี่” แทรงคิวไปก่อน พอดีมันฮาจับใจ คุณนายบ้านอก อิ อิ เรื่องนี้ก็เลยเอามาปัดฝุ่นขึ้นหัวเรื่องใหม่ ให้เข้ากับบรรยากาศซะหน่อย โรคนี้ชลัญเคยเป็นมาแล้ว จะบอกว่าทรมานสุดๆ ที่เป็นคือตอนท้อง นน.ขึ้น 24 กก.ลูกคลอดมา เป็นไอ้หมวยน้อยไจ่ไจ๋ นน. 3360 กรัม ที่เหลือน่ะแม่ ทุกวันนี้ยังไม่ไปไหนมาไหน พอ นน.ขึ้นมากๆ ปรากฏว่ามีอาการปวดส้นเท้าตอนแรก ก็เป็นแค่ข้างเดียว ตอนหลังนี่ 2 ข้าง เรียกว่าทั้งท้อง นน.มากอุ้ยอ้ายอยู่แล้ว ยังจะปวดเท้าเดินลำบาก ว๊าย แทบจะเอาไอ้หมวยน้อยออกก่อนกำหนดทีเดียว อาการเจ็บมันจะเจ็บมากหลังจากก้าวแรกที่ตื่นนอน หรือลุกจากเก้าอี้ ปวดแบบไม่อยากจะก้าวต่อ แต่พอทนก้าวต่อ อาการกับดีขึ้น ปวดบ้างแต่ไม่มาก ลองเอามือกดที่ส้นเท้านี่มีจุดกดเจ็บด้วย พอดีมีคุณหมอที่ รพ.เป็นหมอกระดูก ปรึกษาท่านก็ให้กินยาแก้ปวดก่อนอันดับแรก ตอนหลังยังปวดมากกว่าเดิม ก็เลยฉีดยาเข้าส้นเท้า หลังจากฉีดปวดมากกว่าเดิมแบบเดินไม่ได้ อยู่ 2 วัน หลังจากนั้นปวดเป็นปลิดทิ้ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดีอยู่สัก 3 เดือน เริมปวดใหม่อีกแล้ว เอาล่ะซิ หมอพิมายไม่เจ็งแล้วอ่ะ ต้องไปมหาราช บอกเหมือนกัน รอให้คลอดเดี๋ยวหาย แล้วคุณหมอก็ขอดูรองเท้า อ๊ายอาย ราคา 299 บาท หมอบอก
“ขอร้องเถอะครับ ไม่ทราบเศรษฐกิจฝืดเคืองหรือเปล่าถ้าไม่ลำบากเกินไปกรุณาใส่รองเท้าที่มัน support เท้า หน่อยครับ ใส่แบบนี้ไม่หายหรอก”
ปริ๊ดขึ้นสมอง กะอีแค่รองเท้าดีๆ ทำไมจะไม่มีปัญญาซื้อ แต่ว่า เสียดายตังค์ สะใภ้จีนน่ะเหนียวกว่าจีนอีก บอกคุณป๊าไปเลย the mall ซื้อรองเท้าดี ๆ มันจะคู่เท่าไรกันเชียว ไปเดินๆดู ลงตัวที่ ดอทมุนน์ คู่ละ 3800+ ซื้อขาว-ดำ และรองเท้าแตะอีก 1 คู่ 2500+ เรียกว่าหมดค่ารองเท้าไปเป็นหมื่นในวันนั้น ซะใจ แหม! พอใส่แล้วมันช่างแตกต่างจากรองเท้า 299 เสียนี่กระไร รู้งี้ซื้อมาตั้งนานแล้ว ไม่ให้หมอมามองเท้าแบบดูถูกแน่ จากนั้นอาการปวดลดลง แต่พอท้องแก่มากขึ้นรองเท้า 3000+ ก็เอาไม่อยู่ ต้องฉีดยาอีกรอบ คราวนี้การอักเสบมาก ไม่หาย ต้องกายภาพควบไป ทรมานมาก โอ๊ยมีลูกคนเดียวนี่มันคือลำบากแท้ นึกถึงค่าน้ำนมขึ้นมาทีเดียวลูกทุกคนควรรู้ว่า แม่นั้น ไม่ต้องเลี้ยงดูเราดีมากก็ได้ ไม่ต้องมีสมบัติมากมายไว้ให้ก็ได้ แค่เขาประคับประคองท้องให้เราเกิดมานี่ ก็ไม่รู้จะทดแทนคุณยังไงแล้ว แต่พอหลังคลอด นน.ลดลงอาการปวดกลับหายเป็นปลิดทิ้งแล้วก็ไม่เป็นอีกเลย แปลกมาก ....ก็เลยอยากนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้ รู้กัน

อาการปวดส้นเท้า อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อเท้า เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ กระดูกงอกที่ฝ่าเท้าหรือที่เส้นเอ็นร้อยหวาย กระดูกเท้าบิดผิดรูป โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ หรือ กระดูกหัก เป็นต้น
อาการของโรค
ผู้ที่เป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ จะมีอาการปวดและกดเจ็บบริเวณส้นเท้า ในระยะแรกอาจเกิดอาการภายหลังการออกกำลังกาย เดิน หรือยืนนาน ๆ แต่ถ้าอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดส้นเท้าอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ เมื่อลุกขึ้นเดิน 2–3 ก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักขาเป็นเวลานาน จะรู้สึกเจ็บบริเวณส้นเท้า เนื่องจากเกิดการกระชากของเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบอย่างทันทีทันใด แต่เมื่อเดินไประยะหนึ่ง เอ็นฝ่าเท้าจะค่อย ๆ ยืดหยุ่นขึ้น อาการเจ็บส้นเท้าจึงค่อย ๆ ทุเลาลง
ใครบ้างเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
ผู้หญิง เนื่องจากไขมันส้นเท้าจะบางกว่า เอ็นและกล้ามเนื้อของน่องและฝ่าเท้าไม่แข็งแรงเท่าผู้ชาย
ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
อายุมากขึ้น เนื่องจากไขมันบริเวณส้นเท้าจะบางลง ทำให้จุดเกาะของเอ็นฝ่าเท้าบริเวณกระดูก ส้นเท้าได้รับแรงกระแทกมากขึ้น
ผู้ที่ทำงานที่ต้องยืนหรือเดินนาน ๆ บนพื้นแข็ง หรือขรุขระ
ผู้ที่ออกกำลังกายที่หนักเกินไปหรือไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อน่องหรือเอ็นร้อยหวาย
มีภาวะฝ่าเท้าแบนหรือโก่งโค้งจนเกินไป
มีความผิดปกติของข้อเท้า ข้อเข่าหรือข้อสะโพก ทำให้การเดินและการลงน้ำหนักผิดไปจากปกติ
มีการใช้รองเท้าที่ไม่ถูกลักษณะ เช่น พื้นรองเท้าบางและแข็งเกินไป
แนวทางการรักษาด้วยตนเอง
1.ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือ เดินนาน ๆ เป็นต้น และควรออกกำลังที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน
2.บริหารเพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า
3.นวดฝ่าเท้า หรือ ใช้ผ้าพันที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า
4.ใส่รองเท้าที่เหมาะสม ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไป มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม และมีแผ่นรองรับอุ้งเท้าให้นูนขึ้น อาจใช้แผ่นนุ่ม ๆ รองที่ส้นเท้า (หนา ½ นิ้ว) เพื่อลดอาการปวด ควรใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว หรือ ใช้แผ่นยางสำหรับรองส้นเท้าโดยเฉพาะ เช่น HeelSoother เป็นต้น
5.หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า
6.ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่น อาจใช้น้ำแข็งทุบใส่ในถุงพลาสติกแล้วห่อด้วยผ้าขนหนู หรือ ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น ประคบบริเวณที่ปวดประมาณ 10 - 15 นาที หรือ ประคบด้วยความร้อน 4 นาที สลับกับความเย็น 1 นาที ก็ได้ อาจใช้ครีมนวดแก้ปวด ก็ได้แต่ต้องระวังอย่านวดแรงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฟกช้ำมากขึ้นไป
7.ถ้าปวดมาก ให้รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซ็ตตามอล ประคบด้วยความร้อน หรือใช้ยานวด
8.ลดน้ำหนัก
อย่างไรก็ตามหากมีอาการแล้วควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้เรื้อรัง อาการจะมากขึ้น การรักษา ต้องนานขึ้น กว่าจะหายขอบอกทรมานเป็นปี
อีกอย่างอย่าเหนียวเรื่องรองเท้า เอาชลัญเป็นตัวอย่าง เลือกซื้อรองเท้าที่ support เท้าให้มากที่สุด ในวิชาชีพที่ต้องยืนนานๆ เช่น พบ ครู เป็นต้น อย่าเห็นเพียงความสวยชั่วครู่แล้วทุกข์ภายหลัง นะจ๊ะ
ด้วยความห่วงใย
อ้างอิง:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น